เทพประทาน เหมเมือง...เรื่อง
(รางวัลผลงานเนื้อหาดีเด่น
Osotho club to
the regions Surin)
๒๘ ปีที่แล้วฉันเคยมีผัวเป็นหนุ่มกูย
ความสัมพันธ์จบลงไม่สวย แต่ก็ไม่ได้เลวร้าย เราห่างกันไปตามทางของตัวเอง
จนมาวันนี้ฉันเพิ่งรู้ ว่าตัวเองโง่ที่สุด
ที่ได้ทำร้ายจิตใจเพื่อนรักไปอย่างเลือดเย็นและก็ไม่มีวันได้ขอโทษเขา...ไปตลอดกาล
หนุ่มอีสานใต้มีเสน่ห์ไม่เหมือนหนุ่มไทยภาคอื่น
ๆ ตรงความซื่อ ขี้อายและถ่อมตัว มันเป็นจริตติดตัวมาโดยธรรมชาติ
แต่สิ่งที่โดดเด่นอย่างหนึ่งคือสัญชาตญาณของนักสู้
พวกเขามีทักษะการเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่ลำบากยากแค้นได้อย่างน่าทึ่ง
พลเป็นเพื่อนชาวกูยคนแรกและคนเดียวในชีวิตของฉัน
บ้านเกิดพลอยู่ที่อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เราเจอกันตอนเป็นนิสิตสัตวบาลปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยย่านบางเขน
เขาอาสาถีบจักรยานมาส่งฉันที่หอทุกครั้ง ไม่ใช่เพราะเขาชอบฉันหรอก อย่ามโน
แต่เราไปทางเดียวกัน แค่หอฉันถึงก่อน และเขาก็เป็นคนมีน้ำใจ
พลเกิดที่บ้านหนองบัวเป็นหมู่บ้านคนเลี้ยงช้าง
ชาวกูยจะมีธรรมเนียมการตั้งชื่อหลานชายคนโตตามชื่อปู่
เป็นความเชื่อที่สืบต่อกันมาเพื่อไม่ให้ลืมบรรพบุรุษของตัวเอง แต่เชื่อมั้ย
ฉันจำชื่อจริงของพลไม่ได้ คลับคล้ายคลับคลาว่ามีความหมายที่ฟังดูยิ่งใหญ่อลังการ
ฉันชอบรอยยิ้มของเขา เราเข้ากันได้ดีเพราะรักสัตว์ ฉันชอบหมาและพลรักช้าง
กลุ่มชาติพันธุ์กูยหรือกวย
เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์
จังหวัดนี้มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับช้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
ไม่ว่าจะหันไปทางไหนสืบไปสืบมาก็เกี่ยวข้องโยงใยไปถึงช้างได้เกือบหมด “กูยอะจึง”
หรือกูยเลี้ยงช้าง เป็นกลุ่มชนที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมการจับช้าง
ฝึกช้างและบังคับช้างโดยใช้ภาษาพิเศษที่มีมาตั้งแต่โบราณ
ชาวกูยพูดภาษาเดียวกันกับเขมรทางตอนเหนือ
๑๑ อำเภอ แต่ไม่มีภาษาเขียนของตัวเอง อย่างที่กำปงธมเวลานับเลข ๑-๑๐ ก็นับแบบเดียวกับกูย
ส่วนภาษาเขมรนั้นนับได้แค่ ๑-๕ ที่เหลือต้องใช้คำเรียงกัน ชาวกูยและคนเขมรทางตอนเหนือเขาเรียกกันว่า
“ขอม”
กลุ่มชาติพันธุ์นี้ถนัดการควบคุมช้างมากและเป็นตัวจักรสำคัญในการสร้างปราสาทขอมต่าง
ๆ ทั่วอาณาจักรขอมสมัยนั้น รวมทั้งนครวัด นครธม
บรรพบุรุษกูยบนแผ่นดินไทยอพยพมาตามลุ่มน้ำมูล
เหตุเพราะพวกเขาเดินทางด้วยช้างซึ่งกินจุมาก ต้องมีหญ้ามีน้ำตลอดเส้นทางเดิน
พวกเขามาถึงบ้านหนองบัว ดินแดนสองลำน้ำแห่งนี้คือลำชี (ไม่ใช่แม่น้ำชี) กับแม่น้ำมูล
แล้วปักหลักตั้งบ้านเรือนถิ่นฐานนานมาตั้งแต่ไทยกับกัมพูชายังไม่แยกอาณาเขตกัน
บ้านหนองบัวคือดินแดน ๓ อำเภอ ๒ จังหวัด
ได้แก่อำเภอสะตึก ท่าตูมและชุมพลบุรี ซึ่งอยู่ในเขตของสุรินทร์และบุรีรัมย์
ชาวกูยชอบสีแดงและดำ
อาจเป็นเพราะเป็นสีที่หาวัตถุดิบธรรมชาติย้อมได้ง่ายกว่าสีอื่น ๆ
ที่นี่ยึดกรอบประเพณีและวิถีชีวิตที่เหนียวแน่นมากทั้งพิธีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับช้างและครอบครัว
ลูกหลานจะเคารพบรรพบุรุษ มีการสืบญาติพี่น้องกันอย่างเคร่งครัด
ใครลูกเต้าเหล่าใครต้องรู้จักกันหมด ชาวกูยแต่งงานกับคนที่ไหนก็ได้ แต่ต้องพาคู่รักของตนเองมากราบบรรพบุรุษและบอกกล่าวญาติพี่น้องที่หมู่บ้านตัวเอง
พลเคยพาฉันไปเที่ยวบ้าน ครั้งนั้นพ่อของพลคุยกับฉันว่า ไม่มีช้างให้ลูกชายเลย
เพราะช้างที่เลี้ยงไว้ยังไม่ติดลูกสักที สงสัยคงต้องรอให้อาโอน (ชื่อเล่นพล) เอาเมียก่อน
ฉันหน้าชาไป ๕ วิ
พลเป็นคนรูปหล่อ ผิวสีน้ำผึ้ง
ไหล่เหมือนนักว่ายน้ำ หุ่นดี แข็งแรงมาก
แตกต่างจากบรรพบุรุษดั้งเดิมที่เหมือนเงาะป่า ริมฝีปากหนา ตัวดำ
(ชาติพันธุ์เดียวกับเงาะป่าซาไกทางปักษ์ใต้)
เวลาฉันเดินไปไหนกันสองต่อสองกับพลมักจะมีชะนีและเก้งกวางชำเลืองมอง แล้วแอบทำปากมุบมิบเม้าท์กันเสมอ
ทั้ง ๆ ที่ฉันสมัยนั้นยังไม่สาวแตกขนาดนี้ (ดูออกได้ไงไม่รู้)
เอาตรง ๆ ฉันน้อยใจพล ที่ไม่กล้าพูดแสดงความรู้สึก
ว่าคิดกับฉันแบบไหน และทำไมต้องปิดบังครอบครัวถึงความสัมพันธ์ที่เกินเพื่อนของเรา
พอถามบ่อย ๆ เข้า ก็หายหน้าไป
จนฉันต้องประชดด้วยการหนีไปเที่ยวกับเพื่อนคนอื่นตามประสาวัยรุ่นใจร้อน
เราห่างกันเรื่อย ๆ พลก็พูดน้อย จนต่างคนต่างเรียนจบและแยกย้ายกันไปทำงาน
เราจากกันแบบงง ๆ
ครั้งสุดท้ายที่ได้ข่าวพลคือปี ๒๕๔๗
จากหน้าหนึ่งไทยรัฐ พลถูกยิงตายที่อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์
สืบความจากพ่อพลได้เรื่องว่า หลังจากพลได้เมีย (ช้างก็ยังไม่ติดลูกนะ) พลจึงย้ายไปอยู่กับเมียที่กระสัง ไปทำธุรกิจผ้าไหมและลงการเมืองท้องถิ่น เหตุนี้เองที่ทำให้พลต้องจากไปก่อนวัยอันสมควร
วันนี้เมื่อฉันได้มาเยือนบ้านหนองบัวอีกครั้ง
มาเห็นวิถีชีวิตเรียบง่ายที่เคร่งครัดในธรรมเนียมและพบเจอกูยเจนมี (Gen Me) ที่มีความคิดแบบสมัยใหม่
ฉันจึงเข้าใจว่าทำไมพลจึงไม่กล้าแหกกฎ เพราะแม้ความรักมันจะยิ่งใหญ่แต่ไหนก็ตาม
แต่การที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งจะยอมวัดดวงเรื่องส่วนตัวกับสังคมของตนเองนั้น
มันไม่ง่ายเลย
ความรู้สึกมากมายแน่นอยู่เต็มอก
ฉันมิกล้าแม้แต่จะเดินไปทักน้าชายของพลซึ่งจำฉันไม่ได้ และยิ่งกว่านั้น
ตลอดการเดินทางไปสุรินทร์ครั้งนี้
คงไม่มีใครรู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของแต่ละคนหรอก อย่างตัวฉันอยากไปเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำอันแสนเจ็บปวด
แต่กลับเจ็บยิ่งกว่าเมื่อได้เข้าใจวัฒนธรรมกูยและรู้ว่าเข้าใจพลผิดไป
ทุกสิ่งทุกอย่างดีงามลงตัวเหมาะสมกับสิ่งที่มันเป็นอยู่แล้ว
ฉันเองที่โง่และไม่เคยคิดจะทำความเข้าใจผู้อื่น มารู้อีกครั้งก็สายเกินไป
เรื่องระหว่างฉันกับพล...ความรัก ความขาด
ที่ช่วยกันเติมเต็มและความประทับใจที่เรามีให้กัน มันจะติดสมองฉันไปจนตาย
หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกหากมีวาสนาร่วมกัน
ถ้าวิญญาณของพลยังอยู่
พลคงรู้ว่าน้อง ๆ ชาวกูยรุ่นใหม่รุ่นราวคราวกับลูกของเรา
ได้ต้อนรับฉันอย่างดีในฐานะผู้มาเยือน พวกเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีแววตาดุดันทรงพลังแบบพล
มีความคิดที่น่าสนใจ แต่ในเวอร์ชั่น ๒๐๒๐ ฉันได้เบอร์ ได้ไลน์ ของน้อง ๆ มาเรียบร้อยแล้ว
ฉัน...ขอ...โทษ...อีกที