![]() |
| ชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบโบสถ์ซางตาครู้ส อันเป็นศูนย์รวมศรัทธาของคริสต์ศาสนิกชน |
ประจิตร ป้อมอรินทร์ ...เรื่องและภาพ
ผลงานสารคดีจากผู้เข้าอบรมในโครงการอ.ส.ท. to the regions # 5 ภูมิภาคภาคกลาง
หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกอบกู้เอกราชจากพม่าสำเร็จ
พระองค์ทรงย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยาที่ชำรุดทรุดโทรมจากศึกสงคราม มายังเมืองธนบุรีซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ
และมีรับสั่งให้รวบรวมชาวบ้านที่กระจัดกระจายจากภัยสงคราม
อพยพมายังราชธานีแห่งใหม่นี้
รวมทั้งพระราชทานที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรีให้ชาวบ้านและทหารที่ร่วมกันกอบกู้เอกราชจนสำเร็จ
โดยบางส่วนเป็นชาวต่างชาติ ทั้งชาวจีนและชาวโปรตุเกส
ยังผลให้ชาวบ้านบริเวณนี้มีความแตกต่างทั้งในด้านประเพณี วัฒนธรรม และศาสนา
เป็นเวลากว่า ๓๐๐
ปีที่ชาวบ้านชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรีสืบทอดเชื้อสายมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
แม้จะมีหลากศาสนา หลายความเชื่อ
แต่ศาสนสถานของแต่ละศาสนาก็ตั้งอยู่บริเวณใกล้กันอย่างน่าประหลาดใจ ได้แก่
วัดประยุรวงศาวาสฯ วัดกัลยาณมิตรฯ โบสถ์ซางตาครู้ส ศาลเจ้าเกียนอันเกง มัสยิดต้นสน
และมัสยิดบางหลวง
![]() |
| นักเรียนศาสนาอิสลามกำลังละหมาดบูชาอัลลอฮ์ภายในมัสยิดต้นสน |
![]() |
| ศิลปะโมเสกรูปพระแม่มารีย์และพระเยซูเจ้าบนผนังบ้านหลังหนึ่งในชุมชนกุฎีจีน |
ศาสนิกชนของแต่ละศาสนาล้วนประกอบศาสนพิธีตามความเชื่อของตน
แต่หากวันใดมีกิจกรรมที่ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่าย เช่น
การจัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้ หรือการออกร้านขายของขึ้นชื่อในเทศกาลต่างๆ
ชาวบ้านทั้ง ๖ ชุมชนจะเข้าร่วมโดยไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย หรือแบ่งศาสนา
จึงกล่าวได้ว่า ในช่วงระยะเวลากว่า ๓๐๐ ปีที่ผ่านมา ไม่เคยเกิดการทะเลาะเบาะแว้งเรื่องศาสนา
ไม่มีการดูถูกเหยียดหยามศาสนาของผู้ใด ชาวบ้านทุกคนอาศัยร่วมกันอย่างสันติ
เคารพความเชื่อความศรัทธาของผู้อื่น
ในยุคปัจจุบันที่บางคนใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างและเครื่องมือสำหรับการแบ่งแยกทำลายความสามัคคี
จะมีใครบ้างที่รู้ว่ายังมีอีกหลายคนใช้ชีวิตท่ามกลางความแตกต่างอย่างกลมกลืนมานานหลายศตวรรษ







No comments:
Post a Comment