ศศิลักขณ์ พิจิตรวรการ...เรื่องและภาพ
รางวัลชมเชยเนื้อหาสารคดีสร้างสรรค์ ในโครงการ อ.ส.ท. to the regions # 5
กุฎีจีน ชุมชนอันประกอบด้วยผู้คนหลากศาสนาหลายความเชื่อ สถาปัตยกรรมนานา ดึงสายตานักท่องเที่ยวให้มาร่วมค้นหาความความงดงามและการอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานความแตกต่าง
อีกหนึ่งศาสนสถานที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไม่ขาดสาย
คงจะไม่พ้น “โบสถ์ซางตาครู้ส” กางเขนศักดิ์สิทธ์
ศูนย์รวมจิตใจชาวคริสตชนท้องถิ่น ที่นอกจากความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมแล้ว
ประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นอีกหนึ่งความงดงามที่ชาวบ้านยังคงจดจำและระลึกถึงอยู่เสมอ
การมาเยือนที่นี่ทำให้ฉันรู้จักกับคุณลุงเล็ก ปฏิภาณ สุวรรณศิริ ผู้บรรเลงระฆังประจำโบสถ์ ที่ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับคุณพ่อ กูเลียลโม กิ๊น ดาครู้ส ผู้สร้างโบสถ์ซางตาครู้สหลังปัจจุบันที่อยู่คู่ชุมชนมายาวนานเกือบศตวรรษ
แต่เดิมพื้นที่แห่งนี้ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เพื่อตอบแทนชาวโปรตุเกสที่ช่วยชาวไทยกอบกู้เอกราช
นักบวชชาวโปรตุเกสจึงสร้างโบสถ์อันเป็นที่รวมตัวของคริสตชนโรมันคาทอลิกเป็นครั้งแรก
กระทั่งปี พ.ศ.๒๓๑๒ มีการสร้างโบสถ์หลังที่ ๒ โดยหลวงพ่อปัลเลอกัว
มีลักษณะคล้ายศาลเจ้าจีน อยู่ในพื้นที่ซอยกุฎีจีน จึงเป็นที่เรียกขานของชาวบ้านว่า
“วัดกุฎีจีน”
ระยะเวลาผ่านไปจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖ แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี) วัดกุฎีจีนมีสภาพทรุดโทรมตามกาล งูเห่าออกอาละวาดจำนวนมากจนชาวบ้านหวาดหวั่น ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ผนวกวิสัยทัศน์อันกว้างไกล คุณพ่อกูเลียลโม กิ๊น ดาครู้ส จึงเกิดความคิดอยากสร้างโบสถ์ขึ้นใหม่ที่มีรูปทรงเป็นอาคาร
ลุงเล็กกล่าวว่า “ย้อนกลับไปเมื่อร้อยปีก่อนถือว่าเป็นความคิดที่นอกกรอบนะ เพราะเขานิยมสร้างบ้านจากไม้ คนพื้นที่จึงไม่ค่อยรับรู้เกี่ยวกับจินตนาการที่ท่านคิดสักเท่าไรนัก”
เมื่อเกิดความคิดริเริ่ม
หลวงพ่อจึงรอนแรมไปเทศนายังประเทศรอบบ้านเป็นเวลานาน เพื่อสะสมเงินทุนสำหรับสร้างวัด หากเงินไม่พอก็ออกไปตระเวนหาเพิ่มอีก
การสร้างจึงดำเนินไปทีละเล็กน้อย โดยมีเพื่อนสถาปนิกชาวอิตาเลี่ยน
ช่วยในขั้นตอนการก่อสร้าง คุณพ่อบันทึกเหตุการณ์แต่ละขั้นตอนลงในบันทึกของวัด
จนกระทั่งโบสถ์แล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๔๕๙ รวมระยะเวลาทั้งสิ้น ๒ ปี ๓ เดือน
ในยุคสงครามโลกครั้งที่ ๒ โบสถ์ซางตาครู้สได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนของระเบิด กระจกสีบานประตูและหน้าต่างโบสถ์แตกละเอียดเรี่ยราดตามพื้น ชาวบ้านละแวกนั้น เห็นคุณพ่อกูเลียลโมที่ชราภาพมากในขณะนั้น ก้มเดินเก็บเศษกระจกพร้อมน้ำตา เป็นภาพสะเทือนใจผู้ศรัทธาเป็นอย่างมาก
คุณพ่อกูเลียลโม กิ๊น ดาครู้ส
ใช้ทุกช่วงเวลาของชีวิตเดินบนเส้นทางพระเจ้าอย่างมีเกียรติเป็นเวลาร่วม ๙๕ ปี
คุณพ่อกูเมียลโล กิ๊น ดาครู้ส ถึงแก่มรณภาพในปี พ.ศ.๒๔๙๘
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
ทำให้ฉันเกิดคำถามว่า “หากหลวงพ่ออยู่ตรงหน้า
ณ เวลานี้ ลุงอยากบอกอะไรกับเขา”
“ขอบคุณ... ขอบคุณจริงๆ” จากน้ำเสียงที่สั่นเครือของลุงเล็ก
ฉันสัมผัสถึงได้ความอิ่มเอมหัวใจของสัตบุรุษคนหนึ่ง
สถานที่แห่งนี้ไม่เป็นเพียงศูนย์รวมจิตใจ
หากแต่เป็นศาสนสถานที่รวมผู้กระทำสิ่งต่าง ๆ โดยความเชื่อ แม้จะมีข้อจำกัดบนโลกเป็นอุปสรรค
ความบากบั่นจะเป็นกุญแจสำคัญสรรค์สร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่
กลายเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนยุคสมัย แม้อาจมองไม่เห็นผลในบั้นปลาย
แต่ทุกช่วงเหตุการณ์ย่อมมีเวลาที่สวยงามในตัวของมันเองเสมอ
No comments:
Post a Comment