Thursday, September 8, 2016

เรื่องเล่า...ชุมชนกุฎีจีน

 ศาลเจ้าเกียนอันเกง เป็นศาลเจ้าที่ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวจีนฝั่งธนบุรี

สมบัติ รัตนโรจน์มงคล...เรื่องและภาพ
ผลงานสารคดีจากผู้เข้าอบรมโครงการ อ.ส.ท. to the regions # ภูมิภาคภาคกลาง
            
         วันหยุดนี้หลายๆ คนในกรุงเทพมหานครคงจะเสิร์ชหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวใน Google  เพื่อออกไปหาแรงบันดาลใจ พักผ่อนกับครอบครัว แต่ละท่านคงมองไปที่ห้างสรรพสินค้า ตลาดน้ำ หรือวัดวาอารามต่างๆ โดยมองข้ามหนึ่งชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยังคงแฝงไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย รวมทั้งยังเป็นแหล่งผลิตขนมโบราณรสเลิศ ที่นั่นคือชุมชนกุฎีจีน

 ความงดงามขององค์เจ้าแม่กวนอิมที่แกะสลักด้วยไม้

 ประชาชนทุกสารทิศต่างมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล

            กุฎีจีน หรือ กะดีจีน อดีตศูนย์กลางชาวจีนที่อาศัยอยู่ในฝั่งธนบุรี โดยได้ชื่อมาจากศาลเจ้าสองแห่ง    “ศาลเจ้าโจวซือกงและศาลเจ้ากวนอูสองศาลเจ้าที่ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวจีนในสมัยกรุงธนบุรี ต่อมาในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) ชุมชนชาวจีนฮกเกี้ยนได้รวมศาลเจ้าทั้งสองแห่งไว้ด้วยกันและใช้ชื่อศาลเจ้าเกียนอันเกงภายในมีองค์เจ้าแม่กวนอิมแกะสลักด้วยไม้หอมและปิดทองหุ้มทั้งองค์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลเจ้าเกียนอังเกงแห่งนี้

           
ความงดงามทางสถาปัตยกรรมของโบสถ์ซางตาครูสที่ผ่านกาลเวลา 

 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่พึ่งของชาวคริสต์ทั้งอดีตและปัจจุบัน

           ถัดมาเป็นศาสนสถานสำคัญของชาวคริสต์โบสถ์ซางตาครูสหรือโบสถ์กางเขนศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งศาสนสถานสำคัญของชุมชนชาวกุฎีจีน โดยเดิมทีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี ทรงพระราชทานที่ดินบริเวณชุมชนกุฎีจีนนี้ให้แก่ทหารรับจ้างที่มาร่วมรบกับชาวไทยให้ได้พักอาศัย โดยกลุ่มทหารชาวโปรตุเกสร่วมกันสร้างโบสถ์ซางตาครูสขึ้น เพื่อเป็นที่เผยแผ่ศาสนาและเป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวคริสเตียนในประเทศไทย
            

 พี่ป้อมโชว์วิธีการทำขนมกุฎีจีนแบบดั่งเดิมที่หาชมได้ยาก

 ถ้าใครมาชุมชนกุฎีจีนแล้วไม่ได้กินขนมกุฎีจีนเหมือนมาไม่ถึง
      หลังจากได้ศึกษาศาสนสถานทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีขนมโบราณรสเลิศที่ยังคงแอบซ่อนอยู่ในชุมชนกุฎีจีน นั่นคือขนมกุฎีจีนหรืออีกชื่อขนมฝรั่งกุฎีจีนขนมโบราณขึ้นชื่อที่มีการทำขายกันแค่ภายในชุมชนกุฎีจีนและยังคงสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่สามร้านเท่านั้น

         พี่ป้อมและพี่แหม่มสองสามีภรรยาผู้ยังคงสืบทอดการทำขนมกุฎีจีน ได้เล่าว่าขนมกุฎีจีนเดิมทีมาจากชาวโปรตุเกสที่เข้ามาตั้งรกรากบริเวณชุมชนกุฎีจีนนี้ นำเข้ามาและต่อมาชาวไทยได้มีการฝึกทำกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ขั้นตอนการทำก่อนจะอบขนมต้องตั้งเตาให้ร้อน แล้วนำตัวขนมที่ใส่แม่พิมพ์มาวางเรียงบนพื้นกรวด นำถาดมาปิด จากนั้นนำถ่านที่ร้อนมาโรยไว้บนถาดเพื่อให้ขนมขึ้นฟู เมื่อได้ที่แล้วเคาะออกจากแม่พิมพ์ วัตถุดิบสำคัญที่สุดคือ แป้งและไข่" ตอนนี้ขนมกุฎีจีนเริ่มหากินยากแล้ว อยากให้คนกรุงทุกคนลองมากิน และเข้ามาเยี่ยมเยียนชุมชนประวัติศาสตร์นี้
            
  ขนมกุฎีจีนถือเป็นผลิตภัณฑ์คู่ย่านกุฎีจีนผู้แวะเวียนต้องห้ามพลาด
            
        แม้เวลาจะผ่านมานานนับศตวรรษแต่ชุมชนชาวกุฎีจีนยังคงรักษาเอกลักษณ์และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จากอดีตถึงปัจจุบันได้เป็นอย่างดี แม้ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีเรื่องราวใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้เรื่องราวประวัติศาสตร์ในอดีตค่อยๆจางหายไป หากคนไทยยังไม่ร่วมกันอนุรักษ์สิ่งที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ให้เหล่าลูกหลาน สักวันมันคงจะเลือนหายและโดนฝังไปพร้อมกับผู้เฒ่าผู้แก่ที่คอยปกป้องสิ่งเหล่านี้...




No comments:

Post a Comment